มาสู้กับ Corona Anxiety ไปด้วยกันนะคะ
ช่วงนี้ Covid19 ทำเอาคนประสาทเสียไปตามๆกัน นักจิตเองบางครั้งก็เป็นค่ะ แค่ป้องกันสุขภาพกายให้รอดพ้นจากการติดเชื้อหรือแพร่เชื้อก็หนักพออยู่แล้ว รูปแบบการใช้ชีวิตอย่างที่เคยใช้ก็เปลี่ยนไป อย่าให้สุขภาพจิตพาลเสียไปด้วยเลยนะคะ
เสียยังไงนะเหรอคะ... ก็วิตกกังวลจนไม่เป็นอันทำอะไร วันๆนั่งตามข่าวจนเครียด ยอดคนป่วยคนตายทั้งของเราและของประเทศต่างๆก็เพิ่มขึ้นๆ ชวนเครียดชวนกังวลจะตายค่ะ แล้วไหนยังจะเครียดกับการต้องวิ่งซื้อหาของใช้จำเป็นตั้งแต่หน้ากาก เจล ไปจนถึงของกินของใช้ที่ต้องกักตุนกันไว้ จนของเริ่มขาดตลาดและแพงขึ้น ไหนจะเซ็งกับ social distancing ความสัมพันธ์แบบใกล้ชิดเจอกันตัวเป็นๆ กอดกันก็ไม่ได้ เข้าลิฟต์ก็ต้องหันหน้าไปคุยกับฝาลิฟต์แทน ดูแปลกๆนะคะ... ยังไม่รวมความห่วงกังวลกับอนาคต งานการที่ได้รับผลกระทบ เงินในกระเป๋าที่ร่อยหรอ ช่องทางทำมาหากินที่หดหาย.. ฟังแล้วก็น่าเห็นใจและน่าห่วงสุขภาพจิตคนยามนี้จริงๆค่ะ Corona virus ไม่ใช่แค่มาทำร้ายชีวิตเรา แต่ยังสร้าง Corona anxiety ที่มาทำร้ายสุขภาพจิตเราด้วย หนักหน่วงไม่แพ้กันเลย.. แล้วจะทำยังไงดี? นักจิตขอแนะนำเทคนิค 5S ค่ะ
1) Stay connected ค่ะ ยามนี้กำลังใจให้กันสำคัญมากๆ ช่วงนี้ต้องกักบริเวณอยู่บ้านกันมากขึ้นก็ใช้เป็นโอกาสในวิกฤต ให้ความรักความเข้าใจกันในครอบครัวมากขึ้น ทั้งพ่อแม่คุยกับลูกมากขึ้น ทั้งลูกหลานก็คุยกับพ่อแม่ปู่ย่าตายายมากขึ้น family connection ช่วยเยียวยาความเครียดได้ดีเสมอ สำหรับวัยรุ่น กลุ่มเพื่อนก็ช่วยได้มากเช่นกันค่ะ stay connected ผ่านไลน์ผ่านมือถือผ่านโลกโซเชี่ยลก็เป็นช่องทางที่ได้ระบายความรู้สึกต่างๆ ก็ช่วยลดความเครียดได้เช่นกันค่ะ
2) Stay normal.. Do the same things.. just differently เคยทำอะไรก็ยังทำได้แค่เปลี่ยนวิธีทำ อย่าขู่ตัวเองว่าตายแล้วๆ ชีวิตเปลี่ยนไปเลยแล้วเดี๋ยวจะเป็นยังอีกก็ไม่รู้ ขู่ตัวเองแบบนี้ประสาทรับประทานตาย ต้องบอกตัวเองว่าเรายังทำเกือบทุกอย่างได้แค่เปลี่ยนวิธีการ เรียนหนังสือก็ยังเรียนได้แต่ออนไลน์แทน ทำงานก็ได้แต่ทำผ่านจอผ่านอีเมลผ่านมือถือจากบ้านแทน ค้าขายหลายอย่างก็ค้าขายได้ เช่น ผ่าน website application ไปรษณีย์ Kerry Grab Lineman.. ช่องทาง delivery มากมายค่ะ หรือแม้แต่สังสรรค์พบปะกันก็ใช้ในระบบ tele meeting หรือ วีดีโอคอลแทนได้เช่นกัน... Business as usual.. ชีวิตยังดำเนินไปได้เสมอเหมือนปกติแค่ปรับเปลี่ยนวิธีหน่อยเท่านั้น อย่าเพิ่งตื่นตระหนกตกใจกันเกินไปนะคะ
3) Selflessness วิธีคลายกังวลของตนเองที่ดีทางหนึ่งคือการนึกถึงคนอื่นบ้างค่ะ (empathy) นึกถึงใจเขาใจเราและเห็นใจผู้อื่นกันให้มากๆ… เริ่มตั้งแต่ถ้าเรากลัวไม่อยากให้คนอื่นเป็นพาหะนำเชื้อมาแพร่กระจายใส่เรา เราเองก็ต้องคิดว่าคนอื่นเขาก็กลัวเราได้เช่นกันถ้าเราไม่ทำตามคำแนะนำต่างๆ ไม่อยากให้คนอื่นทำอะไรเสี่ยงๆกับเรา เราก็ไม่ควรทำเช่นนั้นกับคนอื่นเช่นกันค่ะ… นอกจากนี้ยังมีคนที่หนักกว่าเรา คนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง แพทย์พยาบาลที่อยู่ในความเสี่ยงรายวัน บางทีการนึกถึงคนที่เขาเจอผลกระทบหรือความเสี่ยงหนักกว่าเรา หรือมากกว่านั้นคือการได้มีส่วนช่วยเขาผ่านการบริจาค ช่วยทำหน้ากาก ทำเจลแจก แม้แต่ให้กำลังใจกันผ่านสื่อโซเชี่ยลก็เป็นการเยียวยาตัวเราเองไปด้วยนะคะ...อย่าปล่อยให้ความคิดด้านลบเข้าครอบงำจิตใจเรานานเกินไปเลยค่ะ ความเห็นใจ นึกถึงจิตใจผู้อื่นยามนี้ช่วยได้ทั้งสุขภาพกายสุขภาพจิตของเราเลยค่ะ
4) Stay calm อยู่กับสติ ความสงบ ไม่ฟุ้งซ่านและด่วนสรุปหรือจมอยู่กับความกลัวจนเกินไป ใช่ค่ะสถานการณ์รอบโลกและในบ้านเราตอนนี้น่าเป็นห่วง แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงไม่แพ้กันก็คือสภาพจิตใจของเรานี้แหละค่ะ หากมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นอย่างไม่ทันคาดคิด ไม่ทันตั้งตัว สิ่งที่จะช่วยให้เราทุกคนผ่านมันไปได้คือสติค่ะ อยู่กับปัจจุบันขณะ สิ่งตรงหน้าสำคัญที่สุดค่ะ
เสพข่าววันละครั้งเพื่อupdate สถานการณ์บ้านเมืองก็เพียงพอแล้วคะ
5) Stay with the fact อยู่กับข้อมูลความเป็นจริงสำคัญมากค่ะ จำนวนยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เราเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจปล่อยให้เจ้าไวรัสเอาชนะเราฝ่ายเดียว ตัวอย่างประเทศจีนที่สามารถควบคุมสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อได้บ้างแล้วเนื่องจากความร่วมมือระหว่างประชาชนกับรัฐอย่างเคร่งครัด ซึ่งตอนนี้ทั้งรัฐบาลไทยและหลายประเทศทั่วโลกก็พยายามหาแนวทางในการจัดการตั้งรับและประกาศต่อสู้กับมันอย่างเต็มที่ แล้วความจริงก็คือโรคนี้รักษาได้ค่อยๆหายเองได้ อัตราตายต่ำแค่ 1-3% ดูแลสุขภาพตนเองและคนใกล้ชิดกันให้ดีก็พอค่ะ
…แล้วหากมองในอีกด้าน…สัจธรรมของกลไกทางธรรมชาติทุกสรรพสิ่งมีขึ้นก็ยอมมีลง มีสูงสุดก็มีต่ำสุด มีการสูญเสียก็ย่อมมีการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆเกิดขึ้นเสมอจริงไหมค่ะ…หลังการต่อสู้ครั้งนี้ โลกอาจได้ค้นพบนวัตกรรมเทคโนโลยี ธรรมชาติกลับมาสวยงามดังเดิม หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ก็เป็นได้… Stay connected, Stay normal, Selflessness, Stay calm, Stay with the fact
ห้าแนวทางเพื่ออยู่ห่างไม่ใช่แค่ Corona virus แต่ห่างจาก Corona anxiety ด้วยค่ะ.. #นักจิตอยากเล่า
Comments