top of page

เกลียดตัวเอง (Self-hatred) ทำยังไงดี

อัปเดตเมื่อ 22 ต.ค. 2564

คนไข้หลายคนมาปรึกษานักจิตฯด้วยความรู้สึกผิดหวังในตัวเอง โทษตัวเองว่าไม่น่าเกิดมาหรือถ้าตนเองไม่อยู่สักคนอะไรๆมันคงจะดีกว่านี้ เช่น คิดว่าตัวเองไม่เก่ง เป็นคนไม่ดี เป็นภาระให้กับคนอื่น ไม่รวย ทำให้คนอื่นผิดหวัง แล้วก็พาลไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป...ทางจิตวิทยาเราเรียกว่า “การไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง” (low-self esteem)...ไม่ได้แล้วค่ะแบบนี้...


นักจิตขอเล่าประสบการณ์ในการรักษาเคสแบบนี้นะคะ...


มาเริ่มกันที่คำถามนี้ก่อนว่า


"อะไรทำให้พวกเขามีความคิดเกลียดตัวเองได้ขนาดนี้..?"


จากประสบการณ์ที่นักจิตทำงานมา หลายคนมักถูกพ่อแม่ตำหนิ ประชดประชัน เปรียบเทียบลูกตนเองกับลูกของคนอื่น เช่น ลูกบ้านโน้นเขาเรียนเก่ง ได้เงินเดือนเป็นแสน เขาได้เป็นราชการ เขาจบเมืองนอก เขาได้แต่งงานกับคนมีหน้ามีตา มีฐานะดี... ฯลฯ

พ่อแม่รังแกลูก(โดยไม่ตั้งใจ)จริงๆ... คุณพ่อคุณแม่ถ้าได้อ่านแล้วห้ามเลยนะคะ ห้ามเปรียบเทียบลูกกับเพื่อน พี่กับน้อง ห้ามเด็ดขาดเลย บาดแผลทางใจเหวอะหวะได้ค่ะ.. เพราะการถูกเปรียบเทียบแบบนี้แต่เด็กเป็นเชื้ออย่างดีสำหรับการเกลียดชังและระเบิดใส่ตัวเองเมื่อเขาโตขึ้น…


หลายคนไม่เจอประสบการณ์แบบนั้นในวัยเด็กแต่มาถูกเพื่อนกลั่นแกล้งตอนเป็นวัยรุ่นที่อารมณ์อ่อนไหว พอถูกนินทาว่าร้าย ดูถูกเสียดสี เช่น อ้วน ดำ ขี้โรค ยากจน หรือถูกแกล้งให้อับอายมากๆเข้าก็พัฒนาไปสู่โรคเกลียดตัวเองได้เช่นกันค่ะ…


หลายคนทำร้ายตัวเองซ้ำด้วยการเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเอง เช่น ทำไมชีวิตฉันไม่ดีอย่างเขา ทำไมพ่อแม่ฉันจน ทำไมฉันถึงไม่ใช่คนที่เขาเลือกคบ ฉันไม่ดีตรงไหน ทำไมเพื่อนมีของดีๆมีชีวิตดีๆมีบ้านมีรถ มีความสำเร็จในชีวิตแล้วฉันไม่มี..

แบบนี้ก็ลงเอยด้วยการตั้งคำถามประณามตัวเองได้สารพัด... ทำไมฉันโชคร้าย ทำไมฉันโง่ ทำไมฉันเหลวไหล ทำไมฉันเป็นคนไม่ดี ทำไมไม่มีใครเข้าใจ ทำไมถึงไม่มีใครรักฉันเลย ทำไม ทำไม ทำไม…

สิ่งเหล่านี้มักนำไปสู่ความรู้สึกผิดหวัง โกรธเกลียดตัวเองและอาจจบลงด้วยโรคซึมเศร้า โรคอารมณ์สองขั่วจนถึงการฆ่าตัวตาย... ไม่ธรรมดาเลยนะคะ


นักจิตขอแนะนำคาถาป้องกันใจในเบื้องต้น 3 ข้อค่ะ…


1.เลิกเอาค่าของตัวเองไปผูกไว้กับการยอมรับและการตัดสินของคนอื่น

นักจิตอยากชวนนึกดีๆให้เห็นสิ่งที่ชอบและภูมิใจในตัวเองมั่นใจกับสิ่งดีๆที่ตัวเองมี นักจิตเชื่อเสมอค่ะว่าทุกคนมี “ดี” ด้านใดด้านหนึ่งหรือหลายด้านในตัวเอง...การที่เรามีผิวคล้ำไม่ได้หมายความว่าเราเป็นคนไม่สวย การที่เราสอบไม่ผ่านไม่ได้หมายความว่าเราไม่ฉลาด การที่เราแต่งงานหลายครั้งไม่ได้หมายความว่าเราล้มเหลวในเรื่องความรัก การที่เราโกรธพ่อแม่ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นลูกที่ไม่ดี การที่เราไม่สามารถช่วยเหลือใครได้ไม่ได้หมายความว่าเราใจดำ และการที่เรายากจนก็ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นคนตํ่าต้อยกว่าคนอื่นนะคะ...


2. เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น...

เราแค่ต่างกัน คนที่ดูเหมือนจะ “มี” อะไรๆดีกว่าเราเหล่านั้นเขาก็ใช่จะมีความสุขหรือดีไปหมดทุกสิ่งอย่าง ปุถุชนคนเรามีนิสัยด้านสว่างและด้านมืดในใจ ด้านที่โกรธ โมโหไม่พอใจ ไม่เก่ง ไม่ถนัด ไม่ดี กันทุกคนนั่นแหละค่ะ จะไปเปรียบเทียบเอาอะไรกัน...


3. เลิกตำหนิตนเอง เลิกรังเกียจในสิ่งที่ตนเองเป็น ยอมรับตัวเองในสิ่งที่เราเป็นและเมตตาต่อตัวเองค่ะ

ข้อนี้ไม่ยากและไม่ง่ายค่ะ โดยธรรมชาติแล้วคนเรามีตัวตนหลายๆด้านในตัวเอง จึงเป็นเรื่องปกติที่เราจะสามารถมีความรู้สึกที่ดีและไม่ดีเกิดขึ้นในคนๆเดียวกัน บางครั้งเราก็ขยันมีความรับผิดชอบตรงต่อเวลา และบางครั้งเราก็อยากนอนขี้เกียจอยู่บ้านเฉยๆไม่ทำอะไร การที่เราทำตัวเหลวไหลไม่มีความรับผิดชอบ ไม่ได้หมายความว่าเราจะเป็นคนแบบนั้นไปตลอดเวลา…จริงไหมคะ ถ้าเราสามารถมองเห็นตัวเองตามความเป็นจริงได้และเราก็ยอมรับในสิ่งที่เราเป็น เราก็จะสามารถรักและเมตตาต่อตัวเราเองค่ะ


สามข้อง่ายๆบริหารใจกันค่ะ..


เพื่อใจที่เป็นสุข ห่างไกลจากการเกลียดตัวเอง เจ้าโรคเกลียดตัวเอง (self hatred) นี่ที่ทำร้ายคนมานักต่อนักแล้ว… แต่ต้องไม่ใช่เราเพราะเราเจ๋งและเท่าทันมันค่ะ..😇

ปิดท้ายนักจิตขอบอกว่าเราจะเห็นคุณค่าของตัวเราเองก็ต่อเมื่อเรารู้จักยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นและรักในสิ่งที่เราเป็นนะคะ











เขียนและเรียบเรียงโดย พิชชาพร สิทธิโชค (นักจิตวิทยาคลินิก)


ดู 13,255 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page